parallax background

บทความ

การกลับมาของเหล่าผู้ตื่นรู้

ในปี ค.ศ. 1924 หนึ่งปีก่อนการจากโลกของเขา รูดอล์ฟ สไตเนอร์ (Rudolf Steiner) ได้เผยความจริงอันลึกซึ้งเกี่ยวกับภารกิจแท้จริงของเขา ในชาตินี้—การนำความรู้ที่ชัดเจนเกี่ยวกับกรรม (Karma) และการเวียนว่ายตายเกิด (Reincarnation) กลับคืนสู่ศาสนาคริสต์และโลกตะวันตก แต่การเผยแพร่ความรู้ขั้นสูงเช่นนี้ต้องอาศัย “รากฐานแห่งวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณสมัยใหม่” ซึ่งเดิมทีควรได้รับการสถาปนาโดยผู้บรรลุธรรมอีก ท่านหนึ่ง ทว่าเขากลับล้มเหลวในพันธกิจนั้น ด้วยเหตุที่ยึดติดในวัตถุนิยมในชาติภพศตวรรษที่ 19

สไตเนอร์จึงต้องรับหน้าที่นั้นแทน ด้วยความแน่วแน่ เขาเผยแผ่ความรู้ด้านจิตวิญญาณต่อเนื่องกว่า 20 ปี ก่อนที่จะได้เริ่มต้น “แก่นแท้ของงาน” ของ เขาเองในช่วงสุดท้ายของชีวิตแก่นสารแห่งแรงกระตุ้นใหม่นี้ ได้ถูกถ่ายทอดไว้ในชุดปาฐกถาเมื่อปี 1924 ซึ่งต่อมาได้รับการรวบรวมเป็นหนังสือชุด 8 เล่มในชื่อ KARMIC RELATIONSHIPS หนึ่งในผลงานทรงคุณค่าที่สุดของเขา และในวันที่ 28 กรกฎาคม 1924 สไตเนอร์ได้กล่าวถ้อยคำสำคัญ ในหัวข้อ “The New Age of Michael” (ยุคใหม่ของอัครเทวดามิคาเอล) ซึ่งบรรจุอยู่ในเล่มที่ 3 ของชุดนี้

ในวันนั้นเอง เขาได้เปิดเผยต่อผู้ฟังถึง เบื้องหลังกรรมวิถี ว่าพวกเขาคือใครในระดับจิตวิญญาณ และเหตุใดพวกเขาจึงได้เลือกจุติลงมายังโลกในห้วง เวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านอันศักดิ์สิทธิ์นี้บทบรรยายของสไตเนอร์ไม่ได้เป็นเพียงคำสอนเชิงปรัชญา แต่คือเสียงเพรียกของยุคใหม่ ที่กล่าวว่า… บรรดา ผู้ตื่นรู้ทั้งหลายได้กลับมาแล้ว เพื่อปลุกให้จิตวิญญาณมนุษย์ระลึกถึงเส้นทางแห่งการกลับบ้าน

ต่อมา รูดอล์ฟ สไตเนอร์ได้เปิดเผยสิ่งที่ในบางแวดวงเรียกขานว่า “คำพยากรณ์แห่งมิคาเอล” (Michael Prophecy) ซึ่งบ่งชี้ถึงเหตุการณ์อัน ยิ่งใหญ่ — การจุติพร้อมกันครั้งมหาศาลของเหล่าผู้บรรลุธรรม (Initiates) ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติตามธรรมเนียมแล้ว วิญญาณแห่งแสง เหล่านี้จะลงจุติบนโลกเป็นระยะ ๆ

โดยแยกจากกันตามคลื่นเวลาและภารกิจของ soul group ตนเอง แต่ในช่วง ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 พวกเขาจะกลับมาพร้อมกันเป็นจำนวน มาก — ผลลัพธ์จากการเตรียมตัว อันยาวนานในระหว่างช่วงชีวิตหลังความตาย ซึ่งได้รับการฝึกฝนภายใน “โรงเรียนเหนือโลกของมิคาเอล” (Supersensible School of Michael) ณ มณฑลสุริยะ (Sun Sphere) อันเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างมิติจักรวาลกับจิตวิญญาณของพระเจ้า

Blog Demo Content

 

ข้อความบางส่วนจากบทบรรยายในปี ค.ศ. 1924 ได้กล่าวไว้อย่างลุ่มลึกว่า: “แล้วจึงได้ถือกำเนิดสิ่งหนึ่ง ภายใต้การนำของมิคาเอล — ซึ่งเราต้องขอ อนุญาตใช้ถ้อยคำทางโลกว่า‘โรงเรียนเหนือโลก’ สิ่งที่เคยเป็น ความลี้ลับแห่งมิคาเอล (Michael Mystery) ซึ่งถ่ายทอดแก่เหล่า Initiates ใน พิธีกรรมโบราณ บัดนี้ต้องปรับเปลี่ยนไป ด้วยเหตุที่ปัญญาแห่งจักรวาลได้เคลื่อนสู่โลกมนุษย์แล้ว มิคาเอลจึงรวบรวมสัจธรรมอันเก่าแก่เหล่านั้นไว้ และถ่ายทอดใหม่อีกครั้งด้วยพลังอันประเสริฐ แก่เหล่าดวงจิตที่อยู่รอบข้าง โรงเรียนนี้จึงถือกำเนิดขึ้น ณ จุดเริ่มต้นของศตวรรษที่ 15 เพื่อชุบชีวิต สิ่งที่เคยเป็นความลี้ลับแห่งสุริยะ (the Sun Mysteries) ให้กลับมามีชีวิต… ในโลกเหนือสัมผัส”

ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ได้มีการเปิดเผยว่า… มหาอัครเทวทูตมิคาเอลจะเสด็จกลับมา เพื่อสถาปนาการปกครองบนโลกอีกคราหนึ่ง นับแต่ยุคของ พระเจ้า อเล็กซานเดอร์ องค์อัครทูตสวรรค์ทั้ง 6 ได้ผลัดเปลี่ยนกันบริหารยุคสมัยของมนุษยชาติ กระทั่งบัดนี้… วาระแห่ง “ยุคใหม่ของมิคาเอล” ได้มาถึงแล้ว ทว่า…ยุคนี้จะมิอาจดำเนินไปเช่นเดิมได้อีกต่อไป เพราะปัญญาจักรวาลซึ่งเคยแผ่ซ่านลงสู่โลก ผ่านการดลใจในจิตส่วนรวมของมนุษย์ ทั้งหลาย บัดนี้ จำต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบเสียใหม่

มิคาเอลได้ตรัสต่อศิษย์ของท่านในโลกเหนือสัมผัสว่า “สิ่งที่ข้าเคยมอบให้มนุษย์ด้วยแรงบันดาลใจแห่งสวรรค์ ในอดีตกาลอันไกลโพ้น… ได้ร่วงหล่น จากหัตถ์ของข้าแล้ว” และท่านจะต้องค้นพบปัญญานั้นอีกครั้ง เพื่อริเริ่มการครองโลกในศตวรรษใหม่แห่งแสงสุริยัน ในปลายทศวรรษ 1870 อัน เป็นช่วงเวลาที่ ‘ปัญญาไร้วิญญาณ’ ได้หยั่งรากลึกในหมู่มนุษย์เพื่อนเอ๋ย… ผู้ที่เคยร่วมเรียนใน “โรงเรียนเหนือโลกของมิคาเอล” ย่อมซึมซับคำสอนอัน ล้ำลึก ซึ่งข้าพเจ้าเพียงกล่าวได้อย่างย่นย่อ คำสอนเหล่านั้นคือการรื้อฟื้น “ความลี้ลับแห่งสุริยะ” ที่เคยถ่ายทอดกันมาในพิธีกรรมโบราณ และบัดนี้ ได้ กลายเป็นคำพยากรณ์ ถึงสิ่งซึ่งจะสัมฤทธิ์ผลในยุคแห่งมิคาเอลที่เรากำลังก้าวเข้าสู่…

พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากคำเรียกร้องอันศักดิ์สิทธิ์ — เป็นคำท้าทายอันสงบนิ่งจากเบื้องบน ถึงผู้ที่ชุมนุมอยู่รอบองค์มิคาเอล — ให้กระโจนเข้าสู่ กระแสแห่งพระองค์ และยึดมั่นในแรงผลักดันที่แท้จริงของพระองค์ เพื่อให้ “ปัญญาจักรวาล” (Intelligence) ได้กลับมาหลอมรวมกับสภาวะของ มิคาเอลอีกครั้ง…ผู้ใดก็ตามที่สามารถเปิดหัวใจตนเองอย่างลึกซึ้งและศรัทธาต่อ “แอนโทรโพโซฟี” (Anthroposophy) ในวันนี้ — ผู้ที่สามารถ ผสานตนเข้ากับสาระอันศักดิ์สิทธิ์ของแอนโทรโพโซฟี — ล้วนมีแรงกระตุ้นอยู่ในตนเอง ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์เหนือโลกที่พวกเขาเคยผ่านมาตั้งแต่ ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 และอีกครั้งในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 เพื่อจะได้ “กลับมาจุติอีกครั้ง” บนโลก ณ ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 ร่วมกับเหล่าดวงจิต อื่น ๆ ที่ยังมิได้กลับมาและเมื่อถึงเวลานั้น…

จิตวิญญาณแห่งแอนโทรโพโซฟีจะได้เตรียมความพร้อมสำหรับสิ่งที่จำเป็นต้องสำเร็จลง — โดยอาศัยความร่วมมือของผู้ที่กลับมาเหล่านั้นทั้งสิ้น — นั่นคือ… “การเปิดเผยอย่างสมบูรณ์” ของทุกสิ่งที่ได้ถูกเตรียมไว้ในโลกเหนือสัมผัส…